5 เมนูห้ามพลาด จังหวัดอิบารากิ

5 เมนูห้ามพลาด เมื่อมาเยือนจังหวัดอิบารากิ Ibaraki

จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโตของประเทศญี่ปุ่น เป็นจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม ทั้งทะเล ภูเขา และยังมีวัตถุดิบสดใหม่มากมาย การเดินทางจากโตเกียวใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ทำให้อิบารากิเป็นจุดหมายปลายทางที่สะดวกสบายและเหมาะสำหรับการพักผ่อน หากคุณได้มาเที่ยวที่นี่ เราไม่อยากให้คุณพลาดกับ 5 เมนูอร่อยเลื่องชื่อ ที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของอิบารากิ เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น “ครัวแห่งคันโต”

 

เนื้อวัวฮิตาจิ (Hitachi Wagyu Beef) 

เนื้อวัวฮิตาจิเป็นเนื้อวากิวชั้นยอดจากจังหวัดอิบารากิ วัวฮิตาจิเป็นวัวคุโรเกะ หรือ วัวสาพันธุ์ญี่ปุ่นขนสีดำ ที่เลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ได้รับอาหารคุณภาพสูง ทำให้เนื้อวัวมีลายหินอ่อนที่ละเอียด และไขมันที่นุ่มละลายในปาก เป็นหนึ่งในเนื้อวากิวญี่ปุ่นที่คุณภาพดีและมีชื่อเสียงที่สุด

 

เนื้อวัวฮิตาจิสามารถนำไปปรุงเป็นเมนูได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสเต็ก ยากินิกุ หรือชาบูชาบู ทุกเมนูจะทำให้คุณลิ้มรสความอร่อยอย่างเต็มที่ ถือเป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอิบารากิ

 

 

เมลอน (Melon) 

เชื่อว่าเมล่อนญี่ปุ่น ต้องเป็นหนึ่งในผลไม้สุดโปรดของใครหลายๆ คนแน่นอน ด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์หวานหอม กินผลสดก็อร่อย หรือจะนำไปทำเป็นเมนูขนมหวานก็อร่อยไม่แพ้กัน ซึ่งเมลอนเป็นผลไม้ประจำจังหวัดอิบารากิ และที่นี่เป็นผู้ผลิตเมลอนอันดับ 1 ของญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 20 ปี มีเมลอนหลากหลายพันธุ์ เช่น เมลอนแอนดีส เมลอนควินซี และเมลอนเอิร์ล แต่สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ "เมลอนอิบา" ซึ่งเป็นเมลอนที่เกิดจากการผสมพันธุ์เมลอนกว่า 400 สายพันธุ์ เมลอนของอิบารากิขึ้นชื่อเรื่องความหวาน เนื้อหนา หอมอร่อยจนลิ้มรสได้ตั้งแต่คำแรก

 

เมลอนอิบารากิสามารถนำมาทำเมนูหลากหลาย ทั้งสมูทตี้ พาร์เฟต์ เค้ก และคากิโกริ หรือจะรับประทานคู่กับพามาแฮมหรือเมลอนราดบรั่นดีก็ได้รสชาติที่น่าสนใจ

 

 

โฮชิอิโมะ (Hoshiimo) 

โฮชิอิโมะ หรือ มันเทศตากแห้ง เมนูขนมหวานดั้งเดิมของญี่ปุ่น (ฤดูกาล: พฤศจิกายน - มีนาคม) ทำจากมันเทศนึ่งแล้วนำไปตากแดด เนื่องจากสภาพดินและอากาศเหมาะสม อิบารากิจึงเป็นแหล่งผลิตโฮชิอิโมะอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น จุดเด่นของ โฮชิอิโมะ คือไม่มีสารเติมแต่งหรือน้ำตาล จึงเพลิดเพลินกับรสหอมหวานที่มีเสน่ห์ตามธรรมชาติ อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย สามารถลิ้มรสความอร่อยของโฮชิอิโมะเปล่าๆ ได้เลย หรือจะกินคู่กับชาหรือนมก็อร่อยเข้ากันดี

 

นอกจากนี้ยังนำมาหุงกับข้าว ปรุงเป็นข้าวอบทรงเครื่องสไตล์ญี่ปุ่น (ทาคิโคมิโกฮัง) ก็หอมอร่อยมากๆ และยังมีหารแปรรูปเป็นขนมหวานต่างๆ มากมายจากมันเทศ เช่น พายโฮชิอิโมะ ชีสเค้กโฮชิอิโมะ และเจลาโต้ที่ใส่โฮชิอิโมะแบบจัดเต็ม ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอิบารากิ

 

 

ปลาอังโค (Anko Fish) 

ปลาอังโค วัตถุดิบชั้นเลิศจากอิบารากิที่ในสมัยเอโดะ (ปี 1603-1868) ไดเมียวจะมอบให้กับโชกุน ซึ่งปลาคังโอเป็นปลาทะเลน้ำลึก เป็นวัตถุดิบยอดนิยมในช่วงฤดูหนาวของจังหวัดอิบารากิ โดยเฉพาะหม้อไฟปลาอังโค (Anko Nabe) ที่เนื้อปลานุ่มและไขมันต่ำ ปลาอังโคยังมีตับที่ได้รับขนานนามว่าเป็น "ฟัวกราส์แห่งท้องทะเล" ฤดูของปลาอังโคจะอยู่ในช่วงพฤศจิกายนถึงมีนาคม และจะอร่อยที่สุดในช่วงธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งเต็มไปด้วยคอลลาเจนและคุณค่าทางโภชนาการ เมนูนี้เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพและต้องการเสริมพลังงานในช่วงฤดูหนาว จึงได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้หญิง และยังเป็นอาหารเพิ่มพละกำลังของชาวประมงด้วย

 

นัตโตะ 

นัตโตะ (Natto) หรือ ถั่วเน่าญี่ปุ่น คือถั่วเหลืองที่หมักด้วยเชื้อจุลินทรีย์ Bacillus subtilis เป็นอาหารสุขภาพของชาวญี่ปุ่นมาแต่โบราณ เชื่อกันว่านัตโตเป็นอาหารที่ช่วยยืดอายุขัยให้ยืนยาว มีประโยชน์ต่อร่างกาย โปรตีนสูง และมียังโปรไบโอติกส์ ดีต่อลำไส้ ช่วยลดไขมัน ความดันโลหิต ช่วยในกระบวนการย่อย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

 

นัตโตะเป็นอาหารหมักดองรสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะ กลิ่นแรง และมีความเหนียวๆ เป็นเมือกยืดๆ หลายคนอาจจะไม่ชอบ แต่สำหรับคนที่ชอบจะกินได้ทุกวัน เวลากินนิยมใส่โชยุและจะใช้ตะเกียบคนวนๆ ให้เมือกขาดจากกัน แล้วราดบนข้าวสวย เป็นเมนูอาหารเช้าและเย็นยอดฮิตของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานผสมกับไข่ กิมจิ หรือราดบนขนมปังปิ้ง ในจังหวัดอิบารากิก็ยังมีเมนูแปลกๆ อย่างซอฟต์ครีมราดนัตโตะที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย และนัตโตะยังเป็นของขึ้นชื่อของอิบารากิ ในจังหวัดจึงมีโรงงานนัตโตะหลายแห่ง

 

บทความแนะนำ